วันอังคารที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2561

OMEPRAZOLE


ชื่อสามัญ:  OMEPRAZOLE
รูปแบบ/ความแรง:  แคปซูล OMEPRAZOLE 20 มิลลิกรัม
ข้อบ่งใช้:
-  ยานี้ใช้เพื่อช่วยรักษาโรคแผลในกระเพาะอาหารหรือลำไส้เล็ก และผู้ป่วยโรคกรดไหลย้อน
-  ยานี้ใช้เพื่อช่วยป้องกันการบาดเจ็บของหลอดอาหาร กระเพาะอาหาร และลำไส้เล็ก ในผู้ป่วยโรคกรดไหลย้อน หรือมีความเสี่ยงในการเกิดโรคแผลในกระเพาะอาหารหรือลำไส้เล็ก
-  ยานี้ใช้เพื่อลดการหลั่งกรดในกระเพาะอาหารในผู้ป่วยที่มีภาวะ การหลั่งกรดในกระเพาะอาหารมากเกินไป
-  ยานี้อาจใช้เพื่อรักษาโรคหรืออาการอื่นๆได้ หากมีข้อสงสัยควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร
วิธีใช้ยา:
          -  วิธีใช้ยาต่อไปนี้เป็นข้อมูลทั่วไปไม่ใช่สำหรับผู้ใช้ยาเฉพาะราย โปรดปฏิบัติตามวิธีใช้ที่ระบุบนฉลากยาของท่าน
-  ยานี้อยู่ในรูปแบบแคปซูล ใช้สำหรับรับประทาน โดยทั่วไปรับประทานวันละ 1-2 ครั้ง ก่อนอาหารเช้า อย่างน้อย 30 นาที ถึง 1 ชั่วโมง หรือตามแพทย์สั่ง
-  ใช้ยานี้ตามวิธีใช้ที่ระบุบนฉลากยา ไม่ควรใช้ยาในขนาดที่มากหรือน้อยกว่าที่ระบุ และหากมีข้อสงสัยให้สอบถามแพทย์หรือเภสัชกร
-  ผู้ป่วยบางรายอาจต้องใช้ยามากกว่า 2 สัปดาห์หรือเป็นเดือน ควรใช้ยาอย่างต่อเนื่องตามแผนการรักษา แม้ว่าอาการของโรคจะหายไป
-  ไม่ควรแบ่ง หรือเคี้ยวเม็ดแคปซูลเพื่อรับประทาน แต่ถ้าไม่สามารถกลืนเม็ดแคปซูลให้แกะเม็ดแคปซูลแล้วผสมผงยาทั้งหมดลงในน้ำดื่มปริมาณเล็กน้อยแล้วดื่มได้
-  รับประทานยาพร้อมน้ำดื่มสะอาด(น้ำเปล่า) เท่านั้น ไม่ควรรับประทานยานี้ร่วมกับน้ำชนิดอื่น
สิ่งที่ควรแจ้งแพทย์หรือเภสัชกรทราบ::
-  การแพ้ยาโอมิพราโซล (omeprazole) หรือแพ้ยาอื่นๆ
-  ยาอื่นๆ ทั้งยาที่แพทย์สั่งจ่ายและยาที่ใช้เอง เนื่องจากประสิทธิภาพของยาที่ใช้อยู่อาจเปลี่ยนแปลงเมื่อใช้ยานี้
-  มีโรคหรือภาวะดังต่อไปนี้ อุจจาระมีสีดำคล้ำหรือมีเลือดปน เจ็บหน้าอก มีอาการกลืนลำบาก มี- ---  อาการแสบร้อนกลางอกเป็นระยะเวลามากกว่า 3 เดือน
-  อาการแสบยอดอกร่วมกับอาการมึนงง ปวดศีรษะเล็กน้อยหรือเหงื่อออก
-  มีโรคตับ ปวดท้อง น้ำหนักลดโดยไม่ทราบสาเหตุ อาเจียนมีเลือดปน หายใจหอบ
-  การตั้งครรภ์ การวางแผนในการตั้งครรภ์ หรือการให้นมบุตร
-  การมีความผิดปกติของการทำงานของตับ
-  กรณีใช้ยา 14 วันอย่างต่อเนื่อง (2 สัปดาห์) แล้วอาการของโรคไม่ดีขึ้น ควรรีบแจ้งให้แพทย์ทราบ
ทำอย่างไรหากลืมรับประทานหรือยา:
          โดยทั่วไปหากลืมรับประทานยาก่อนอาหาร ควรรับประทานหลังอาหารอย่างน้อย 2 ชั่วโมง แต่ถ้าเป็นเวลาที่ใกล้กับมื้อต่อไป ให้ข้ามไปรับประทานยามื้อต่อไปเลยโดยไม่ต้องเพิ่มขนาดยาเป็นสองเท่า
อาการอันไม่พึงประสงค์จากการใช้ยา:
          ไม่รุนแรง ปวดศีรษะ
รุนแรง    ผื่นลมพิษ ผื่นคัน มีอาการบวมที่หน้า ลำคอ ลิ้น เปลือกตา ตา มือ เท้า ข้อเท้าและขาส่วนล่าง มีอาการกลืนลำบากหรือหายใจลำบาก เสียงแหบ ชัก มีการเกร็งของกล้ามเนื้อ เจ็บกล้ามเนื้อ หรือเป็นตะคริว ปัสสาวะลำบาก มีเลือดออกผิดปกติหรือมีจ้ำเลือด มีเลือดปนในปัสสาวะ ตาเหลือง ตัวเหลือง
การเก็บรักษายา:
-  เก็บยานี้ในภาชนะบรรจุเดิมที่บรรจุมา ปิดภาชนะให้สนิท และเก็บให้พ้นมือเด็ก
-   เก็บยานี้ที่อุณหภูมิห้องโดยไม่ให้อยู่ในที่อุณหภูมิมากกว่า 25 องศาเซลเซียส เช่น เก็บในบริเวณที่ไม่ถูกแสงแดดโดยตรง และไม่เก็บยาในบริเวณที่เปียกหรือชื้น
-  ทิ้งยานี้เมื่อยาหมดอายุ

ที่มา http://yaandyou.net

MADIPLOT


ชื่อสามัญ: MANIDIPINE [HYDROCHLORIDE]
รูปแบบ/ความแรง:  ยาเม็ด MANIDIPINE [HYDROCHLORIDE] 20 มิลลิกรัม
ข้อบ่งใช้:
-          ยานี้ใช้เพื่อรักษาโรคความดันโลหิตสูง
-          ยานี้อาจใช้เพื่อรักษาโรคหรืออาการอื่นๆ ดังนั้นหากมีข้อสงสัยจึงควรสอบถามแพทย์หรือเภสัชกร
วิธีใช้ยา:
          -   วิธีใช้ยาต่อไปนี้เป็นข้อมูลทั่วไปไม่ใช่สำหรับผู้ใช้ยาเฉพาะราย โปรดปฏิบัติตามวิธีใช้ที่ระบุบนฉลากยาของท่าน
-   ยานี้อยู่ในรูปแบบยาเม็ด ใช้สำหรับรับประทาน โดยทั่วไปรับประทานวันละครั้ง หรือใช้ยานี้ตามวิธีใช้ที่ระบุบนฉลากยาอย่างเคร่งครัด โดยห้ามใช้ยาในขนาดที่มากหรือน้อยกว่าที่ระบุ และหากมีข้อสงสัยให้สอบถามแพทย์หรือเภสัชกร
-  รับประทานยานี้ได้ทั้งก่อนหรือหลังอาหาร แต่ควรรับประทานยาในเวลาเดียวกันของแต่ละวัน และควรรับประทานยาให้ตรงเวลาทุกครั้ง
-  ไม่ควรรับประทานอาหารที่มีรสเค็มและอาหารที่มีปริมาณเกลือหรือโซเดียมสูง
-  ยานี้อาจทำให้เกิดอาการง่วงซึม ดังนั้นจึงควรหลีกเลี่ยงการขับขี่ยานพาหนะหรือใช้เครื่องจักร
-  ยานี้อาจทำให้เกิดอาการหน้ามืด เวียนศีรษะ ดังนั้นจึงไม่ควรลุกขึ้นยืนหรือนั่งลงอย่างรวดเร็ว
-  การดื่มแอลกอฮอล์ระหว่างการใช้ยานี้อาจทำให้มีอาการมึนงงหรือง่วงซึมมากขึ้น
สิ่งที่ควรแจ้งแพทย์หรือเภสัชกรทราบ::
-          ประวัติการแพ้ยา manidipine หรือยาอื่นๆ
-    ยาอื่นๆ ทั้งยาที่แพทย์สั่งจ่ายและยาที่ใช้เอง วิตามิน อาหารเสริม และยาสมุนไพร ที่ท่านใช้อยู่ในขณะนี้หรือกำลังจะใช้
-  ตั้งครรภ์ วางแผนในการตั้งครรภ์ หรือให้นมบุตร
-  เป็นโรคหัวใจหรือเคยมีประวัติของภาวะหัวใจวายหรือภาวะหัวใจล้มเหลว อาการลิ้นเอออร์ติกตีบ (aortic stenosis)
-  มีประวัติความผิดปกติของการทำงานของตับ

ทำอย่างไรหากลืมรับประทานหรือยา:
          โดยทั่วไปถ้าลืมรับประทานยา ให้รับประทานยาทันทีที่นึกได้ แต่ถ้าเป็นเวลาที่ใกล้กับมื้อต่อไป ให้ข้ามไปรับประทานยามื้อต่อไปเลยโดยไม่ต้องเพิ่มขนาดยาเป็นสองเท่า
อาการอันไม่พึงประสงค์จากการใช้ยา:
          ไม่รุนแรง หน้าแดง ใบหน้าร้อนผ่าว ปวดท้องหรือไม่สบายท้อง มีลมในกระเพาะอาหาร คลื่นไส้ อาเจียน อ่อนเพลียหรือไม่มีแรงโดยไม่ทราบสาเหตุ ปวดศีรษะ มึนงง
รุนแรง    มีอาการแพ้ เช่น ผื่นคัน ผื่นลมพิษ บวมตามอวัยวะต่างๆ เช่น ใบหน้า ริมฝีปาก ลิ้น ขา และข้อเท้า หายใจลำบาก หน้ามืด เป็นลม การมองเห็นหรือการได้ยินเปลี่ยนแปลงไป เจ็บหน้าอกมากขึ้นหรือบ่อยขึ้น หัวใจเต้นผิดจังหวะ ใจสั่นหรือเต้นเร็วผิดปกติ ตัวหรือตาเปลี่ยนเป็นสีเหลืองอย่างผิดปกติ
การเก็บรักษายา:
-  เก็บยานี้ในภาชนะบรรจุเดิมที่บรรจุมา ปิดภาชนะให้สนิท และเก็บให้พ้นมือเด็ก
-   เก็บยานี้ที่อุณหภูมิห้องโดยไม่ให้อยู่ในที่อุณหภูมิมากกว่า 25 องศาเซลเซียส เช่น เก็บในบริเวณที่ไม่ถูกแสงแดดโดยตรง และไม่เก็บยาในบริเวณที่เปียกหรือชื้น
-  เก็บยานี้ในภาชนะที่ป้องกันแสงได้ เช่น ขวดหรือซองสีชา
-  ทิ้งยานี้เมื่อยาหมดอายุ
  ที่มา http://yaandyou.net

TRAMADOL


ชื่อสามัญ: TRAMADOL [HYDROCHLORIDE]
รูปแบบ/ความแรง:  แคปซูล TRAMADOL [HYDROCHLORIDE]  50 มิลลิกรัม
ข้อบ่งใช้:
-    ยานี้ใช้เพื่อช่วยบรรเทาอาการปวดระดับปานกลางถึงค่อนข้างรุนแรง และอาการปวดอย่างต่อเนื่องตลอดเวลาหรือปวดเป็นระยะเวลานาน
-          ยานี้อาจใช้เพื่อรักษาโรคหรืออาการอื่นๆ ดังนั้นหากมีข้อสงสัยจึงควรสอบถามแพทย์หรือเภสัชกร
วิธีใช้ยา:
           -   วิธีใช้ยาต่อไปนี้เป็นข้อมูลทั่วไปไม่ใช่สำหรับผู้ใช้ยาเฉพาะราย โปรดปฏิบัติตามวิธีใช้ที่ระบุบนฉลากยาของท่าน
           -   ยานี้อยู่ในรูปแบบยาเม็ดสำหรับรับประทาน โดยทั่วไปรับประทานครั้งละ 2 เม็ด วันละ 3 ครั้งหรือให้ใช้ยานี้ตามวิธีใช้ที่ระบุบนฉลากยา ไม่ควรใช้ยาในขนาดที่มากหรือน้อยกว่าที่ระบุ และหากมีข้อสงสัยให้สอบถามแพทย์หรือเภสัชกร
            -  ผู้ที่มีอายุมากกว่า 65 ปี ควรแจ้งแพทย์เพื่อให้แพทย์พิจารณาขนาดยาที่เหมาะสม เนื่องจากจะได้รับผลจากยานี้มากกว่าคนทั่วไป
            -  ยานี้มีส่วนประกอบของยา 2 ชนิด คือยาออเฟเนดรีน (orphenadrine) พาราเซตามอล (paracetamol) ระวังการใช้ร่วมกับยาอื่นที่มีพาราเซตามอลร่วมด้วย เพราะอาจจะทำให้รับประทานยาเกินขนาดในผู้ป่วยบางราย ยานี้อาจจะทำให้เวียนศีรษะ ง่วงซึมได้ หากเกิดอาการดังกล่าวไม่ควรขับขี่ยานพาหนะหรือใช้เครื่องจักร
-          หลี่กเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์ระหว่างใช้ยานี้ เนื่องจากจะเพิ่มอาการข้างเคียงของยาได้
สิ่งที่ควรแจ้งแพทย์หรือเภสัชกรทราบ::
-  ประวัติการแพ้ยา tramadol, codeine, opiates, ยาแก้ปวดหรือยาแก้ไอชนิดอื่นๆ ยาต้านซึมเศร้า หรือยาอื่นๆ
-  ยาอื่นๆ ทั้งยาที่แพทย์สั่งจ่ายและยาที่ใช้เอง วิตามิน อาหารเสริม และยาสมุนไพร (โดยเฉพาะ St. John s wort) ที่ท่านใช้อยู่ในขณะนี้หรือกำลังจะใช้
-  การตั้งครรภ์ การวางแผนในการตั้งครรภ์ หรือการให้นมบุตร
-  การผ่าตัดและศัลยกรรม ซึ่งรวมถึงการผ่าตัดทางทันตกรรมและการทำฟัน
-  ประวัติการใช้ยาเสพย์ติดและการดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณมากๆ หรือบ่อยๆ การมีหรือเคยมีความผิดปกติของการทำงานของปอด ตับหรือไต เป็นโรคปอด เช่น โรคหืด (asthma) โรคปอดใดๆ เช่น ถุงลมโป่งพอง หรือปัญหาเกี่ยวกับการหายใจอื่นๆ โรคเบาหวาน (diabetes) การเป็นหรือเคยมีประวัติมีภาวะเนื้องอกในสมอง อาการบาดเจ็บที่ศีรษะ ภาวะการชัก (seizures or epilepsy) การติดเชื้อในสมองหรือไขสันหลัง โรคหลอดเลือดสมองอุดตัน (stroke) ภาวะความดันในกะโหลกศีรษะสูง โรคซึมเศร้า หรือเคยมีประวัติการฆ่าหรือพยายามฆ่าตัวตาย
ทำอย่างไรหากลืมรับประทานหรือยา:
          โดยทั่วไปยานี้ใช้เฉพาะเมื่อมีอาการปวดเท่านั้น หากรับประทานยาไปครั้งหนึ่งแล้วอาการปวดลดลงหรือหายไป ก็ไม่ต้องรับประทานยาครั้งต่อไป (การลืมรับประทานยาจึงไม่เป็นอันตราย)
แต่หากยังมีอาการปวดอยู่ สามารถรับประทานยานี้ได้ทุก 4-6 ชั่วโมงและไม่ควรเพิ่มขนาดการใช้ยาในครั้งต่อไป
อาการอันไม่พึงประสงค์จากการใช้ยา:
          ไม่รุนแรง ท้องผูก เวียนศีรษะ มึนงง ง่วงซึม ปวดศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน
รุนแรง    มีอาการแพ้ เช่น ผื่นคัน ผื่นลมพิษ บวม เจ็บตามอวัยวะต่างๆ เช่น ใบหน้า ริมฝีปาก ลิ้น กลืนหรือหายใจลำบาก แขน น่อง ขา ข้อเท้า ผิวหนังบางลง ลอก บวมพอง แดง มีไข้หรือมีอาการเหมือนมีไข้
ปวดศีรษะรุนแรง ปัญหาการนอนต่อเนื่อง กล้ามเนื้อสั่น แสบยอดอก แสบกระเพาะอาหาร มีกรดเกินในกระเพาะอาหาร สับสน ตื่นตระหนก เหงื่อออก ท้องเสียรุนแรง กล้ามเนื้อตึงเกร็ง อารมณ์แปรปรวน มีอาการประสาทหลอน เช่น เห็นหรือได้ยินเสียงที่ไม่มีจริง หน้ามืด เป็นลม ชัก
การเก็บรักษายา:
          เก็บยานี้ในภาชนะบรรจุเดิมที่บรรจุมา ปิดภาชนะให้สนิท และเก็บให้พ้นมือเด็ก
เก็บยานี้ที่อุณหภูมิระหว่าง 15-30 องศาเซลเซียส เช่น บริเวณที่ถูกแสงแดดโดยตรง และไม่เก็บยาในบริเวณที่เปียกหรือชื้น
ทิ้งยานี้เมื่อยาหมดอายุ

  ที่มา http://yaandyou.net

Nogesic


ชื่อสามัญ: ORPHENADRINE [CITRATE] , PARACETAMOL
รูปแบบ/ความแรง:  ยาเม็ด ORPHENADRINE CITRATE  35 มิลลิกรัม, PARACETAMOL 450 มิลลิกรัม
ข้อบ่งใช้:
-  ยานี้ใช้เพื่อบรรเทาอาการปวดเนื่องจากภาวะกล้ามเนื้อลายตึงตัวมาก (skeletal muscle hypertonia) การเกร็ง การหดค้างของกล้ามเนื้อ
-  ยานี้อาจใช้เพื่อรักษาโรคหรืออาการอื่นๆได้ หากมีข้อสงสัยควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร
วิธีใช้ยา:
           -   วิธีใช้ยาต่อไปนี้เป็นข้อมูลทั่วไปไม่ใช่สำหรับผู้ใช้ยาเฉพาะราย โปรดปฏิบัติตามวิธีใช้ที่ระบุบนฉลากยาของท่าน
           -   ยานี้อยู่ในรูปแบบยาเม็ดสำหรับรับประทาน โดยทั่วไปรับประทานครั้งละ 2 เม็ด วันละ 3 ครั้งหรือให้ใช้ยานี้ตามวิธีใช้ที่ระบุบนฉลากยา ไม่ควรใช้ยาในขนาดที่มากหรือน้อยกว่าที่ระบุ และหากมีข้อสงสัยให้สอบถามแพทย์หรือเภสัชกร
            -  ผู้ที่มีอายุมากกว่า 65 ปี ควรแจ้งแพทย์เพื่อให้แพทย์พิจารณาขนาดยาที่เหมาะสม เนื่องจากจะได้รับผลจากยานี้มากกว่าคนทั่วไป
            -  ยานี้มีส่วนประกอบของยา 2 ชนิด คือยาออเฟเนดรีน (orphenadrine) พาราเซตามอล (paracetamol) ระวังการใช้ร่วมกับยาอื่นที่มีพาราเซตามอลร่วมด้วย เพราะอาจจะทำให้รับประทานยาเกินขนาดในผู้ป่วยบางราย ยานี้อาจจะทำให้เวียนศีรษะ ง่วงซึมได้ หากเกิดอาการดังกล่าวไม่ควรขับขี่ยานพาหนะหรือใช้เครื่องจักร
-          หลี่กเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์ระหว่างใช้ยานี้ เนื่องจากจะเพิ่มอาการข้างเคียงของยาได้
สิ่งที่ควรแจ้งแพทย์หรือเภสัชกรทราบ::
-  ประวัติการแพ้ยา orphenadrine ยา paracetamol หรือยาอื่นๆ น้ำตาลแลกโตสและอาหาร
ใช้หรือกำลังจะใช้ ยาอื่นๆทั้งยาที่แพทย์สั่งจ่ายและยาที่ใช้เอง วิตามิน อาหารเสริม สมุนไพร
-   มีหรือเคยมีโรคต้อหิน โรคหัวใจ โรคตับ โรคไต โรคต่อมลูกหมาก มีปัญหาในกระเพาะอาหาร โรคแผลในกระเพาะอาหาร โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงชนิดร้ายแรง (myasthenia gravis)
-   ตั้งครรภ์ วางแผนจะตั้งครรภ์ หรือให้นมบุตร
-   หากจะเข้ารับการผ่าตัดหรือการทำฟันควรแจ้งให้แพทย์ทราบว่าใช้ยานี้
-   ประวัติการดื่มแอลกอฮอล์
-   ผู้สูงอายุ หรือ ประวัติการรับประทานยานี้แล้วพบอาการข้างเคียงใดๆ
ทำอย่างไรหากลืมรับประทานหรือยา:
          โดยทั่วไปถ้าลืมรับประทานยา ให้รับประทานยาทันทีที่นึกได้ แต่ถ้าเป็นเวลาที่ใกล้กับมื้อต่อไป ให้ข้ามไปรับประทานยามื้อต่อไปเลยโดยไม่ต้องเพิ่มขนาดยาเป็นสองเท่า
อาการอันไม่พึงประสงค์จากการใช้ยา:
          ไม่รุนแรง มึนงง เวียนศีรษะ ง่วงซึม ปวดศีรษะ คลื่นไส้ ไม่สบายท้อง
รุนแรง    ผื่นขึ้น คัน หรือลมพิษ ใบหน้า ริมฝีปากหรือลิ้นบวม หายใจลำบาก  มีไข้ เจ็บคอ สับสน ประสาทหลอน การมองเห็นเปลี่ยนไป ใจสั่น (palpitation) หรือชีพจรเต้นเร็ว มีเลือดออกหรือฟกช้ำโดยไม่ทราบสาเหตุ บริเวณตาขาวหรือผิวหนังเปลี่ยนเป็นสีเหลือง เหนื่อยหรืออ่อนเพลียโดยไม่ทราบสาเหตุ หน้ามืด เป็นลม หมดสติ อาเจียน
การเก็บรักษายา:
          เก็บยานี้ในภาชนะบรรจุเดิมที่บรรจุมา ปิดภาชนะให้สนิท และเก็บให้พ้นมือเด็ก
เก็บยานี้ที่อุณหภูมิระหว่าง 15-30 องศาเซลเซียส โดยเก็บในที่แห้ง พ้นจากแสงและความร้อน
ทิ้งยานี้เมื่อยาหมดอายุ

  ที่มา http://yaandyou.net

LOSARTAN


ชื่อสามัญ: LOSARTAN [POTASSIUM]
รูปแบบ/ความแรง:  ยาเม็ด LOSARTAN   50 มิลลิกรัม
ข้อบ่งใช้:
ยานี้ใช้เพื่อรักษาโรคความดันโลหิตสูง  รักษาโรคหัวใจล้มเหลว
ยานี้อาจใช้เพื่อรักษาโรคหรืออาการอื่นๆได้ หากมีข้อสงสัยควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร
วิธีใช้ยา:
          - วิธีใช้ยาต่อไปนี้เป็นข้อมูลทั่วไปไม่ใช่สำหรับผู้ใช้ยาเฉพาะราย โปรดปฏิบัติตามวิธีใช้ที่ระบุบนฉลากยาของท่าน
- ยานี้อยู่ในรูปแบบยาเม็ดใช้สำหรับรับประทาน โดยทั่วไปรับประทานวันละ 1-2 ครั้ง หรือให้ใช้ยานี้ตามวิธีใช้ที่ระบุบนฉลากยาอย่างเคร่งครัด โดยห้ามใช้ยาในขนาดที่มากหรือน้อยกว่าที่ระบุ และหากมีข้อสงสัยให้สอบถามแพทย์หรือเภสัชกร
- รับประทานยานี้ก่อนหรือหลังอาหารก็ได้ แต่ควรรับประทานยาให้ตรงเวลาทุกครั้ง ห้ามหยุดใช้ยาด้วยตัวเองโดยไม่ปรึกษาแพทย์ผู้รักษาก่อน
- หลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ในระหว่างที่รับประทานยานี้อยู่
- ไม่ควรซื้อยาบรรเทาอาการไอหรือหวัด หรือยาบรรเทาอาการเจ็บปวด มารับประทานโดยไม่ได้ปรึกษาแพทย์ผู้รักษาก่อน
การรับประทานยานี้อาจทำให้มีอาการเวียนศีรษะได้ ดังนั้นควรเปลี่ยนท่าทางอย่างช้าๆ
สิ่งที่ควรแจ้งแพทย์หรือเภสัชกรทราบ::
-  มีประวัติแพ้ยา losartan หรือแพ้ยาอื่นๆ
-  ใช้หรือกำลังใช้ยาอื่นๆ ทั้งยาที่แพทย์สั่งจ่ายและยาที่ใช้เอง วิตามิน อาหารเสริม และยาสมุนไพร -  -  โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ยาขับปัสสาวะ ผลิตภัณฑ์เสริมธาตุโพแทสเซียม
-  มีหรือเคยมีโรคหรือสภาวะต่างๆ ดังนี้ เป็นโรคไต โรคตับ มีภาวะหัวใจวาย
-  หากต้องเข้ารับการผ่าตัด ทำฟัน ต้องแจ้งให้แพทย์ทราบก่อนทำการรักษา
-  ตั้งครรภ์ หรือวางแผนจะตั้งครรภ์ หรือให้นมบุตร
ทำอย่างไรหากลืมรับประทานหรือยา:
          โดยทั่วไปถ้าลืมรับประทานยา ให้รับประทานยาทันทีที่นึกได้ แต่ถ้าเป็นเวลาที่ใกล้กับมื้อต่อไป ให้ข้ามไปรับประทานยามื้อต่อไปเลยโดยไม่ต้องเพิ่มขนาดยาเป็นสองเท่า
อาการอันไม่พึงประสงค์จากการใช้ยา:
          ไม่รุนแรง คัดจมูก น้ำมูกไหล
รุนแรง    หน้า ลำคอ ตา ริมฝีปาก ลิ้น ขา มือ เท้า หรือข้อเท้าบวม หายใจลำบาก กลืนอาหารลำบาก เสียงแหบ สับสน เวียนศีรษะ รู้สึกเหมือนจะเป็นลม เจ็บหน้าอก หัวใจเต้นเร็ว แรงหรือเต้นไม่เป็นจังหวะ ปริมาณปัสสาวะลดลง ผื่นคัน ผื่นลมพิษ
การเก็บรักษายา:
          เก็บยานี้ในภาชนะบรรจุเดิมที่บรรจุมา ปิดภาชนะให้สนิท และเก็บให้พ้นมือเด็ก
เก็บยานี้ที่อุณหภูมิห้องโดยไม่ให้อยู่ในที่อุณหภูมิมากกว่า 30 องศาเซลเซียส เช่น เก็บในบริเวณที่
ไม่ถูกแสงแดดโดยตรง และไม่เก็บยาในบริเวณที่เปียกหรือชื้น
          ทิ้งยานี้เมื่อยาหมดอายุ

  ที่มา http://yaandyou.net

HYOSCINE


ชื่อสามัญ: HYOSCINE [BUTYLBROMIDE]
รูปแบบ/ความแรง:  ยาเม็ด HYOSCINE   10 มิลลิกรัม
ข้อบ่งใช้:
-  ยานี้ใช้บรรเทาอาการปวดเกร็งช่องท้อง ซึ่งมีสาเหตุจากการหดเกร็งกล้ามเนื้อที่บริเวณกระเพาะอาหารหรือกระเพาะปัสสาวะ
-  ยานี้ใช้รักษากลุ่มอาการลำไส้แปรปรวน (Irritable bowel syndrome: IBS)
-  ยานี้ใช้เพื่อลดการหลั่งของเหลวในปอด
-  ยานี้อาจใช้เพื่อรักษาโรคหรืออาการอื่นๆได้ หากมีข้อสงสัยควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร
วิธีใช้ยา:
          วิธีใช้ยาต่อไปนี้เป็นข้อมูลทั่วไปไม่ใช่สำหรับผู้ใช้ยาเฉพาะราย โปรดปฏิบัติตามวิธีใช้ที่ระบุบนฉลากยาของท่าน
ยานี้อยู่ในรูปแบบยาเม็ด ใช้สำหรับรับประทาน โดยให้ใช้ยานี้ตามวิธีใช้ที่ระบุบนฉลากยาอย่างเคร่งครัด โดยห้ามใช้ยาในขนาดที่มากหรือน้อยกว่าที่ระบุ และหากมีข้อสงสัยให้สอบถามแพทย์หรือเภสัชกร
ให้กลืนยาทั้งเม็ด ห้ามบดหรือเคี้ยวเม็ดยาแพทย์ผู้รักษาก่อน
สิ่งที่ควรแจ้งแพทย์หรือเภสัชกรทราบ::
-          การแพ้ยาไฮออสซีน (Hyoscine) หรือแพ้ยาอื่นๆ
-    ยาอื่นๆ ทั้งยาที่แพทย์สั่งจ่ายและยาที่ใช้เอง วิตามิน อาหารเสริม และยาสมุนไพรที่ท่านใช้อยู่ในขณะนี้หรือกำลังจะใช้
-    มีหรือเคยมีภาวะหัวใจเต้นเร็วผิดปกติ หรืออุณหภูมิในร่างกายเพิ่มสูงขึ้น
-    การตั้งครรภ์ การวางแผนในการตั้งครรภ์ หรือการให้นมบุตร
-    มีหรือเคยมีประวัติโรคตับ โรคไต โรค Porphyria (โรคเลือดชนิดหนึ่ง) โรคลมชัก โรคต้อหิน โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง ( Myasthenia gravis) โรคกระเพาะอาหาร หรือ ต่อมลูกหมากโต
ทำอย่างไรหากลืมรับประทานหรือยา:
          โดยทั่วไปถ้าลืมรับประทานยา ให้รับประทานยาทันทีที่นึกได้ แต่ถ้าเป็นเวลาที่ใกล้กับมื้อต่อไป ให้ข้ามไปรับประทานยามื้อต่อไปเลยโดยไม่ต้องเพิ่มขนาดยาเป็นสองเท่า
อาการอันไม่พึงประสงค์จากการใช้ยา:
          ไม่รุนแรง ปากแห้ง ผิวแห้ง ท้องผูก ตาสู้แสงไม่ได้
รุนแรง    ปวดตา ตาแดง หรือการมองเห็นผิดปกติ หัวใจเต้นเร็ว หรือช้าผิดปกติ ถ่ายปัสสาวะลำบาก หรือเจ็บเมื่อถ่ายปัสสาวะ
การเก็บรักษายา:
          เก็บยานี้ในภาชนะบรรจุเดิมที่บรรจุมา ปิดภาชนะให้สนิท และเก็บให้พ้นมือเด็ก
เก็บยานี้ที่อุณหภูมิห้องโดยไม่ให้อยู่ในที่อุณหภูมิมากกว่า 30 องศาเซลเซียส เช่น เก็บในบริเวณที่
ไม่ถูกแสงแดดโดยตรง และไม่เก็บยาในบริเวณที่เปียกหรือชื้น
          ทิ้งยานี้เมื่อยาหมดอายุ

  ที่มา http://yaandyou.net

DOXAZOSIN


ชื่อสามัญ: DOXAZOSIN [MESYLATE]
รูปแบบ/ความแรง:  ยาเม็ด DOXAZOSIN   2 มิลลิกรัม
ข้อบ่งใช้:
-          ยานี้ใช้เพื่อรักษาภาวะต่อมลูกหมากโต และโรคความดันโลหิตสูง
-          ยานี้อาจใช้เพื่อรักษาโรคหรืออาการอื่นๆได้ หากมีข้อสงสัยควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร
วิธีใช้ยา:
          -   วิธีใช้ยาต่อไปนี้เป็นข้อมูลทั่วไปไม่ใช่สำหรับผู้ใช้ยาเฉพาะราย โปรดปฏิบัติตามวิธีใช้ที่ระบุบนฉลากยาของท่าน
-  ยานี้อยู่ในรูปแบบยาเม็ดควบคุมการปลดปล่อยตัวยา ใช้สำหรับรับประทาน โดยทั่วไปรับประทานวันละ 1 ครั้ง หรือให้ใช้ยานี้ตามวิธีใช้ที่ระบุบนฉลากยาอย่างเคร่งครัด โดยห้ามใช้ยาในขนาดที่มากหรือน้อยกว่าที่ระบุ และหากมีข้อสงสัยให้สอบถามแพทย์หรือเภสัชกร
- รับประทานยานี้พร้อมอาหารเช้า และควรรับประทานยาให้ตรงเวลาทุกครั้ง
- ห้ามหยุดใช้ยาด้วยตัวเองโดยไม่ปรึกษาแพทย์ผู้รักษาก่อน
- ห้ามหัก แบ่ง หรือเคี้ยวเม็ดยา
- การรับประทานยานี้อาจทำให้มีอาการเวียนศีรษะ หรือง่วงซึมได้ ดังนั้นไม่ควรขับขี่ยานพาหนะหรือทำงานเกี่ยวกับเครื่องจักรกล และควรเปลี่ยนท่าทางอย่างช้าๆ
- หลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ในระหว่างที่รับประทานยานี้อยู่
- ไม่ควรซื้อยาลดความอ้วน ยาบรรเทาอาการไอหรือหวัด หรือยาแก้แพ้ มารับประทานโดยไม่ปรึกษาแพทย์ผู้รักษาก่อน
สิ่งที่ควรแจ้งแพทย์หรือเภสัชกรทราบ::
-  มีประวัติแพ้ยา doxazosin, prazosin, terazosin หรือแพ้ยาอื่นๆ
-  ยาอื่นๆ ทั้งยาที่แพทย์สั่งจ่ายและยาที่ใช้เอง วิตามิน อาหารเสริม และยาสมุนไพร ที่ท่านใช้อยู่ในขณะนี้หรือกำลังจะใช้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ยาแก้แพ้ ยาลดความดันโลหิต ยาโรคลำไส้แปรปรวน
-  มีหรือเคยมีโรคหรือสภาวะต่างๆ ดังนี้ การทำงานของตับผิดปกติ มีภาวะความดันต่ำ
-  ตั้งครรภ์ หรือวางแผนจะตั้งครรภ์ หรือให้นมบุตร
-  หากต้องเข้ารับการผ่าตัดหรือทำฟัน ต้องแจ้งให้แพทย์หรือทันตแพทย์ทราบก่อนทำการรักษา
ทำอย่างไรหากลืมรับประทานหรือยา:
          -  โดยทั่วไปถ้าลืมรับประทานยา ให้รับประทานยาทันทีที่นึกได้ แต่ถ้าเป็นเวลาที่ใกล้กับมื้อต่อไป ให้ข้ามไปรับประทานยามื้อต่อไปเลยโดยไม่ต้องเพิ่มขนาดยาเป็นสองเท่า
-  ถ้าลืมรับประทานยานี้มากกว่า 2 ครั้ง ให้ปรึกษาแพทย์ผู้รักษาเพื่อรับคำแนะนำ
อาการอันไม่พึงประสงค์จากการใช้ยา:
          ไม่รุนแรง ปวดศีรษะ เหนื่อย อ่อนเพลีย
รุนแรง    เวียนศีรษะ หรือง่วงซึม รู้สึกเหมือนจะเป็นลม หัวใจเต้นแรงหรือเต้นไม่เป็นจังหวะ หายใจลำบาก ชาบริเวณมือหรือเท้า เจ็บหน้าอก ขา หรือข้อเท้าบวม อวัยวะเพศชายแข็งตัวนานผิดปกติและปวด ผื่นลมพิษ
การเก็บรักษายา:
          เก็บยานี้ในภาชนะบรรจุเดิมที่บรรจุมา ปิดภาชนะให้สนิท และเก็บให้พ้นมือเด็ก
เก็บยานี้ที่อุณหภูมิห้องโดยไม่ให้อยู่ในที่อุณหภูมิมากกว่า 30 องศาเซลเซียส เช่น เก็บในบริเวณที่
ไม่ถูกแสงแดดโดยตรง และไม่เก็บยาในบริเวณที่เปียกหรือชื้น
          ทิ้งยานี้เมื่อยาหมดอายุ
ที่มา http://yaandyou.net