วันอาทิตย์ที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2561

Acetylcysteine


ชื่อสามัญ
Acetylcysteine (อะเซทิลซิสเทอีน)
รูปแบบยา 
ยาผง
ยานี้ใช้สำหรับ 
   ยาขับเสมหะ หรือยาละลายเสมหะ ใช้รักษาอาการป่วยจากการรับประทานยาพาราเซตามอลเกินขนาด เพื่อป้องกันการเกิดความเสียหายที่ตับ และรักษาภาวะอาการที่เกิดมูกเหลวเหนียวข้นขึ้นจนเกิดปัญหาการหายใจ จากภาวะหรือโรคที่เกี่ยวข้องกับอวัยวะในระบบทางเดินหายใจ เช่น หลอดลมอักเสบ ถุงลมโป่งพอง ปอดบวม ปอดอักเสบ เป็นต้น โดยยาจะช่วยสลายมูกเหนียวข้นให้เจือจางลง เพื่อให้ระบบทางเดินหายใจขับมูกเสมหะเหล่านั้นออกมาได้ และช่วยให้ผู้ป่วยหายใจได้สะดวกขึ้นในที่สุด
วิธีการใช้ยา 
ยาผง
    ผู้ใหญ่ รับประทานครั้งละ 1 ซอง (200 มิลลิกรัม) 2-3 ครั้ง/วัน
    เด็กอายุมากกว่า 6 ปี รับประทานครั้งละ 1 ซอง (100 มิลลิกรัม) 2-4 ครั้ง/วัน
      ขนาดยาที่แนะนำ ละลายผงยาด้วยน้ำปริมาณครึ่งแก้ว ก่อนรับประทาน โดยให้รับประทานพร้อมอาหาร
สิ่งที่ควรแจ้งให้แพทย์หรือเภสัชกรทราบ 
1.      หากเคยมีอาการแพ้ยาชนิดนี้ หรือแพ้สารประกอบใด ๆ ที่เป็นส่วนผสมในยาชนิดนี้ ห้ามใช้ยา Acetylcysteine เด็ดขาด และควรแจ้งให้แพทย์ทราบ
2.      หากผู้ป่วยเคยมีอาการแพ้ยา แพ้อาหาร หรือแพ้สารชนิดใดอยู่ ควรแจ้งให้แพทย์ทราบก่อนใช้ยา เพราะส่วนประกอบของยาอาจมีสารก่อภูมิแพ้ที่ทำให้ผู้ป่วยบางรายเกิดอาการแพ้ได้
3.      ก่อนใช้ยา ผู้ป่วยต้องแจ้งประวัติทางการแพทย์ที่สำคัญ โดยเฉพาะอาการป่วยด้วยหอบหืด หรือมีแผลในกระเพาะอาหารและลำไส้
4.      ในผู้ป่วยตั้งครรภ์ แพทย์ต้องพิจารณาถึงประโยชน์และผลข้างเคียงจากการใช้ยาโดยปรึกษาพูดคุยกับผู้ป่วยก่อนการใช้ยา หากผู้ป่วยกำลังอยู่ในภาวะที่ต้องให้นมบุตร ควรแจ้งให้แพทย์ทราบและปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ยา เนื่องจากยังไม่มีผลการทดสอบที่ชัดเจนว่ายาจะซึมผ่านน้ำนมไปเกิดผลกระทบต่อเด็กทารกหรือไม่

ทำอย่างไรหากลืมรับประทานยาหรือใช้ยา 
หากผู้ป่วยลืมรับประทานยาในรอบเวลาหนึ่ง ให้รับประทานยาทันทีที่นึกขึ้นได้ แต่หากใกล้ถึงช่วงเวลาในการรับประทานยารอบถัดไป ให้ข้ามยารอบนี้แล้วรับประทานยาของรอบใหม่แทน โดยใช้ยาตามปริมาณปกติ ไม่เพิ่มปริมาณยา ไม่รับประทานยาเกินประมาณที่กำหนดในแต่ละครั้ง
อาการอันไม่พึงประสงค์ทั่วไป 
ผู้ป่วยจำนวนมากไม่ได้เผชิญกับผลข้างเคียงที่เป็นอันตรายจากการใช้ Acetylcysteine แต่อย่างใด หรืออาจพบผลข้างเคียงจากการใช้ยาเพียงเล็กน้อย โดยอาการที่เป็นผลข้างเคียงจากการใช้ยานี้ที่อาจพบ ได้แก่ 
1.      เป็นหวัด น้ำมูกไหล
2.      ผิวหนังเนื้อตัวเย็นชืด
3.      ง่วงนอน
4.      มีไข้
5.      มีอาการอักเสบระคายเคืองบริเวณปาก หรือ ลิ้น
6.      คลื่นไส้ อาเจียน
แม้อาจพบผลข้างเคียงเป็นอาการป่วยเพียงเล็กน้อยข้างต้น แต่หากอาการดังกล่าวไม่ทุเลาลง ยังคงป่วยอย่างต่อเนื่องเรื้อรัง หรือมีอาการที่รุนแรงขึ้น ผู้ป่วยควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจรักษาอาการต่อไป

อาการอันไม่พึงประสงค์ที่ต้องแจ้งแพทย์หรือเภสัชกรทันที 
มีผื่นลมพิษขึ้นที่ผิวหนัง  หน้าบวม ปากบวม ลิ้นบวม   หายใจติดขัด แน่นหน้าอก

การเก็บรักษายา 
1.      เก็บไว้ในภาชนะบรรจุเดิมตามที่ได้รับมาเก็บยาในที่แห้ง ควรเก็บที่อุณหภูมิไม่เกิน 30 องศา

เซลเซียส ไม่ควรเก็บยาในที่ร้อนหรือชื้น เช่น ในรถห้องน้ำ ห้องครัว
2.      เก็บให้พ้นสายตาและมือเด็ก

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น